Posted on

มาดูเคร็ดไม่ลับ การล้างแว่นอย่างไรให้ถูกวิธี ?

BY : ADMIN POPVISION

เมื่อไหร่ที่ควรล้างแว่นตา?

เชื่อว่าเป็นสิ่งที่คนสวมแว่นหลาย ๆ คนสงสัยอยู่แน่นอน สำหรับคำถามว่าเมื่อไหร่ที่ควรล้างแว่นตา หรือเราควรล้างทำความสะอาดแว่นตาบ่อยแค่ไหน คำตอบก็คือ ควรล้างเลนส์ทุกวัน และล้างกรอบแว่นอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง และคราบมันที่สะสมอยู่บนแว่น และหลังจากล้างแว่นและเช็ดให้แห้งเสร็จเรียบร้อย แนะนำให้ใช้ผ้าเช็ดแว่นห่อเลนส์แว่นให้เรียบร้อยแล้วจึงเก็บแว่นใส่กล่อง ไม่นำแว่นใส่กระเป๋าเลยหรือวางทิ้งไว้เฉย ๆ เพื่อป้องกันเลนส์ได้รับความเสียหายจากฝุ่นละอองและของใช้อื่น ๆ นั่นเอง

หากคุณเป็นคนนึงที่ใส่แว่นเป็นประจำทุกวัน คุณอาจมีข้อสงสัยว่า..

• "ต้องทำความสะอาดแว่นยังไงถึงจะถูกวิธีจริง ๆ"

• "สรุปแล้วน้ำยาล้างจานหรือสบู่ล้างมือล้างแว่นได้หรือไม่ "

• "แล้วล้างแว่นบ่อยๆ จะทำให้เลนส์เหลืองหรือเลนส์เสียมั้ย"

• "ล้างแว่นทุกวันป้องกันโควิดได้มั้ย"

✅ ข้อดีของการล้างแว่น :

1. ขจัดคราบไขมันที่อยู่บนเลนส์ เพราะคราบเหล่านั้นทำให้เลนส์ขุ่นมัว เมื่อมองผ่านเลนส์อาจทำให้มีอาการปวดหัวได้

2. การไม่ได้ล้างแว่นเป็นเวลานานอาจทำให้แบคทีเรียเติบโต มีความเสี่ยงกับดวงตาและจมูกได้

3. ลดสาเหตุการเกิดสิว

4. ทำให้เลนส์ใส มองภาพคมชัดและสบายตาขึ้น

5. ในสถานการณ์โควิด การล้างแว่นสามารถกำจัดไวรัสได้

แนะนำว่า คุณควรล้างแว่นเป็นประจำทุกวัน ให้เป็นกิจวัตร เนื่องจากกรอบแว่นสัมผัสกับผิวหนังของคุณตลอดเวลา

✅ วิธีล้างแว่นตาแบบถูกต้อง

1. เปิดน้ำใส่เลนส์เพื่อทำให้คราบสกปรกหรือฝุ่นที่เกาะอยู่บนผิวเลนส์ออกก่อน

2. ใช้ น้ำยาล้างจานที่ผสมน้ำเจือจาง ทำความสะอาดเลนส์โดยใช้นิ้วถูที่เลนส์ให้ทั่ว (ห้ามเทน้ำยาล้างจานบนผิวเลนส์โดยตรง)

3. ล้างออกด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด

4. ใช้กระดาษทิชชู่สำหรับเช็ดหน้า ซับน้ำออกให้แห้ง (ห้ามถูโดยเด็ดขาด)

5. ใช้ผ้าเช็ดเลนส์ไมโครไฟเบอร์ โดยเช็ดเลนส์แว่นไปในทางเดียวกัน

เพียงวิธีง่ายๆ เท่านี้ คุณก็จะมีแว่นที่สะอาดใช้ทุกวัน และแว่นนั้นจะอยู่กับคุณไปตลอดการใช้งาน ❗️แต่.....สิ่งต้องห้ามที่หลายๆ ท่านมักทำผิดพลาดนั่นคือ...

❌ สิ่งที่ห้ามทำกับแว่นของคุณ ❌

1. ห้ามใช้สบู่ล้างมือ หรือแชมพูที่มักจะมีส่วนผสมเช่น ammonia, สารฟอกขาว, กรดอะซิติก, ไขมัน หรือสารบำรุงต่างๆ ที่ใส่เข้าไปในผลิตภัณฑ์เหล่านั้น โดยส่วนประกอบเหล่านี้จะมีผลกับ Polycarbonate ซึ่งเป็นวัสดุผลิตเลนส์ และชั้น multicoat ที่เคลือบเลนส์เกือบทุกชนิด ทำให้เลนส์ลอกได้

2. ห้ามใช้กระดาษชำระหรือเสื้อเช็ดเลนส์ เพราะวัสดุเหล่านี้หยาบเกินไปที่จะนำมาเช็ดเลนส์ อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนพื้นผิวของเลนส์ เมื่อเวลาผ่านไปเลนส์จะสูญเสียความคมชัดได้

3. ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีอะซิโตน สารนี้มักพบในน้ำยาล้างเล็บ บางท่านใช้เพื่อทำความสะอาดเลนส์และกรอบแว่น เราแนะว่าห้ามใช้เด็ดขาด เพราะอะซิโตนมีผลทำให้เลนส์และกรอบแว่นเสียหายอย่างมาก

สุดท้ายนี้ อย่าลืมซักผ้าเช็ดแว่นไมโครไฟเบอร์ นะคะ เพราะเมื่อคุณใช้งานผ้าไปนานๆ จะมีฝุ่นเข้าไปอยู่ในตัวผ้า และเมื่อคุณนำผ้าไปเช็ดเลนส์ก็เท่ากับนำพาเม็ดฝุ่นเล็ก ๆ ไปเสียดสีกับพื้นผิวเลนส์มากขึ้น ทำให้เลนส์เกิดรอยได้

✅ หากคุณยังสงสัยว่าต้องล้างแว่นยังไง เราก็มีวิดิโอแนะนำ

ข้อควรระวังในการดูแลแว่นตาที่ห้ามมองข้าม

นอกจากวิธีล้างแว่นตาที่ถูกต้องแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คนใส่แว่นไม่ควรมองข้ามเป็นอันขาด คือวิธีการดูแลแว่นตาที่ถูกต้อง และนี่คือข้อควรระวังในการดูแลแว่นตาที่คุณควรให้ความสำคัญ เพื่อให้แว่นตาของคุณสะอาดเหมือนใหม่ ไร้รอยขีดข่วน และสามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน ไม่ชำรุดเสียหายก่อนเวลาอันควร

• หลีกเลี่ยงการเช็ดแว่นด้วยกระดาษเช็ดปากหรือชายเสื้อ เพราะเส้นใยที่มีความหยาบอาจทำลายพื้นผิวของเลนส์และทำให้เลนส์เป็นรอยขีดข่วนได้ หากต้องการเช็ดแว่น แนะนำให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์จะปลอดภัยที่สุด

• หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาเคมีบางชนิดทำความสะอาดแว่น เช่น น้ำยาล้างเล็บ สบู่ และแชมพู เพราะสารเคมีอาจทำลายพื้นผิวของเลนส์และกรอบแว่นตา ก่อให้เกิดความเสียหายได้

• ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดแว่นมาเช็ดเลนส์ทันทีโดยไม่ล้างแว่นให้สะอาดก่อน เพราะเป็นการนำฝุ่นขนาดเล็กไปเสียดสีกับแว่นตา อาจทำให้พื้นผิวเลนส์เป็นรอยเพิ่มเติมได้

มองหาน้ำยาเช็ดกระจกที่ช่วยลบรอยขนแมวบนแว่นตาออกได้หมดจด รวมทั้งใช้ทำความสะอาดคราบสกปรกบนกระจกได้หมดเกลี้ยง เลือกน้ำยาเช็ดกระจก SUPP เช็ดออกง่าย ไม่เปลืองแรง ลดการสะสมของฝุ่นละออง สาเหตุหลักที่ทำให้กระจกในบ้านดูหมอง ปราศจากสารเคมีและแอมโมเนีย ไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อดวงตาและระบบหายใจ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

Posted on

“เคล็ดลับดูแลเสื้อกล้ามมีบราให้ใช้งานได้นาน”

เสื้อกล้ามมีบรานอกจากจะเป็นไอเท็มที่ให้ความสบายและซัพพอร์ตทรวงอกได้ดี ยังมีราคาที่ค่อนข้างสูงในบางรุ่น ดังนั้นการดูแลรักษาให้เสื้อกล้ามมีบราอยู่ในสภาพดีและใช้งานได้นานจึงเป็นเรื่องสำคัญ มาดูเคล็ดลับง่าย ๆ ในการดูแลกันค่ะ

  1. อ่านป้ายคำแนะนำการซัก
    • ป้ายคำแนะนำบนเสื้อจะบอกข้อมูลสำคัญ เช่น อุณหภูมิในการซัก และวิธีการดูแลเฉพาะของเนื้อผ้า
    • เลือกทำตามคำแนะนำเพื่อป้องกันเสื้อเสียทรงหรือฟองน้ำเสื่อมสภาพ
  2. ซักมือดีที่สุด
    • การซักมือช่วยถนอมเนื้อผ้าและฟองน้ำได้ดีกว่าการซักเครื่อง
    • ใช้น้ำเย็นหรืออุณหภูมิห้อง และผสมน้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยน

วิธีซักมือ:
• แช่เสื้อในน้ำยาซักผ้าประมาณ 10-15 นาที
• บีบน้ำเบา ๆ ที่ฟองน้ำ หลีกเลี่ยงการขยี้แรง ๆ

  1. หากซักเครื่อง เลือกถุงตาข่ายและโหมดถนอมผ้า
    • หากจำเป็นต้องซักเครื่อง ให้ใส่เสื้อในถุงตาข่ายเพื่อลดการเสียดสี
    • ใช้โหมดถนอมผ้าหรือซักด้วยรอบหมุนเบา ๆ

เคล็ดลับ:
• ปรับอุณหภูมิน้ำให้เย็นและหลีกเลี่ยงการปั่นแห้ง

  1. ห้ามบิดฟองน้ำแรง ๆ
    • ฟองน้ำอาจเสียรูปทรงหากบิดแรง ให้บีบน้ำออกเบา ๆ ด้วยมือ

วิธีที่แนะนำ:
• วางฟองน้ำบนผ้าขนหนูแล้วกดเบา ๆ เพื่อซับน้ำ

  1. ตากให้แห้งในที่ร่มและอากาศถ่ายเท
    • แสงแดดแรงอาจทำให้สีของเสื้อซีดและฟองน้ำเสื่อมสภาพ
    • แขวนเสื้อในที่ร่มหรือวางราบบนตะแกรงเพื่อให้แห้งสนิท
  1. ห้ามรีดเด็ดขาด
    • ความร้อนจากเตารีดอาจทำลายเนื้อผ้าและฟองน้ำ
    • หากต้องการให้เสื้อเรียบ ให้ใช้เครื่องพ่นไอน้ำเบา ๆ
  2. การจัดเก็บ
    • พับเสื้อกล้ามมีบราหรือแขวนไว้บนไม้แขวนเพื่อป้องกันการเสียทรง
    • หากฟองน้ำสามารถถอดได้ ให้เก็บแยกเพื่อรักษารูปทรง
  3. หลีกเลี่ยงน้ำยาปรับผ้านุ่ม
    • น้ำยาปรับผ้านุ่มอาจทำให้เนื้อผ้าสูญเสียความยืดหยุ่น
    • ใช้น้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยนแทน
  4. ตรวจสอบฟองน้ำอย่างสม่ำเสมอ
    • หากฟองน้ำเสียรูปหรือมีการสะสมของเหงื่อและคราบสกปรก ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อความสะอาดและการซัพพอร์ตที่ดี
  5. ทำความสะอาดทันทีหลังออกกำลังกาย
    • เหงื่อและคราบสกปรกสามารถสะสมและทำให้เกิดกลิ่นอับได้
    • ซักทันทีหรือแช่น้ำเปล่าเพื่อช่วยลดคราบเหงื่อก่อนซัก
Posted on

ข้อดีและข้อเสียของเสื้อกล้ามมีบราที่คุณควรรู้ก่อนซื้อ

by user

เสื้อกล้ามมีบราเป็นไอเท็มที่ได้รับความนิยมในยุคปัจจุบัน เพราะช่วยผสมผสานความสะดวกสบายและความมั่นใจในการสวมใส่ แต่ก่อนตัดสินใจซื้อ มาดูข้อดีและข้อเสียของเสื้อกล้ามมีบรากันก่อนค่ะ!

1.  สวมใส่สะดวก ไม่ต้องใช้ชุดชั้นในแยก

• ประหยัดเวลาในการแต่งตัว

• เสื้อกล้ามมีบรามาพร้อมฟองน้ำในตัว ทำให้ไม่ต้องใส่เสื้อชั้นในเพิ่ม

  1. ลดการกดทับและเสียดสี
    • ไม่มีโครงเหล็กหรือสายเสื้อชั้นในที่รัดแน่น ช่วยลดความอึดอัดและปัญหาเสียดสี
  2. เคลื่อนไหวคล่องตัว
    • ออกแบบให้กระชับพอดีตัว เหมาะสำหรับกิจกรรมที่ต้องการความคล่องแคล่ว เช่น ออกกำลังกาย หรือเดินทาง
  3. ซัพพอร์ตทรวงอกได้ดี
    • มีฟองน้ำช่วยรองรับทรวงอก ลดการกระเพื่อมขณะเคลื่อนไหว
  4. ดีไซน์แฟชั่นหลากหลาย
    • สามารถใส่เป็นเสื้อตัวนอกหรือแมตช์กับเสื้อผ้าอื่นได้อย่างลงตัว
    • มีหลากหลายสีและดีไซน์ให้เลือก ตั้งแต่ลุคสปอร์ตไปจนถึงลุคเรียบหรู
  5. ระบายอากาศดี
    • ส่วนใหญ่ใช้ผ้าที่มีคุณสมบัติระบายอากาศและซับเหงื่อได้ดี

ข้อเสียของเสื้อกล้ามมีบรา

  1. การซัพพอร์ตอาจไม่เพียงพอสำหรับบางคน
    • สำหรับผู้ที่มีหน้าอกขนาดใหญ่ อาจไม่ได้รับการซัพพอร์ตที่เพียงพอเทียบกับชุดชั้นในแบบมีโครง
  2. ฟองน้ำอาจเลื่อนหรือผิดรูป
    • ฟองน้ำบางรุ่นที่ถอดได้ อาจขยับหรือเสียรูปหลังการซัก
  3. ขนาดอาจไม่พอดีทุกคน
    • การเลือกขนาดที่พอดีอาจเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากเสื้อกล้ามมีบรามักมีขนาดมาตรฐานที่ไม่หลากหลายเท่าชุดชั้นใน
  4. ทำความสะอาดยากกว่าชุดชั้นในแยกชิ้น
    • บางรุ่นที่ฟองน้ำติดกับเสื้ออาจใช้เวลานานในการซักและตากให้แห้ง
  5. ราคาสูงกว่าเสื้อกล้ามทั่วไป
    • ด้วยการออกแบบที่รวมบราในตัว ทำให้ราคาสูงกว่าเสื้อกล้ามธรรมดา
  6. การระบายอากาศในบางรุ่นไม่ดีพอ
    • หากเลือกเสื้อที่มีเนื้อผ้าหนาเกินไป อาจทำให้รู้สึกอับชื้นในวันที่อากาศร้อน

ข้อดีของเสื้อกล้ามมีบรา

Posted on

“จากฟิตเนสถึงแฟชั่น: เสื้อกล้ามมีบราสำหรับทุกโอกาส”

เสื้อกล้ามมีบรากลายเป็นไอเท็มที่ตอบโจทย์ทั้งสายฟิตเนสและสายแฟชั่น ด้วยดีไซน์ที่ผสมผสานความสบายและความเก๋ได้อย่างลงตัว จะใส่ออกกำลังกายหรือแต่งตัวออกไปข้างนอกก็รอดทุกสถานการณ์ มาดูกันว่าเสื้อกล้ามมีบราสามารถแมตช์ให้เหมาะกับโอกาสต่าง ๆ ได้อย่างไรบ้าง

  1. ฟิตเนสและการออกกำลังกาย
    • เสื้อกล้ามมีบราเป็นตัวเลือกยอดเยี่ยมสำหรับการออกกำลังกาย เพราะมีการซัพพอร์ตทรวงอกที่ดี ลดการกระเพื่อมระหว่างการเคลื่อนไหว
    • ผ้าระบายอากาศช่วยซับเหงื่อ ทำให้รู้สึกแห้งสบายตลอดการออกกำลังกาย

สไตล์แนะนำ:
• เลือกเสื้อกล้ามมีบราทรงสปอร์ต จับคู่กับเลกกิ้งหรือกางเกงวิ่ง
• เพิ่มหมวกแก๊ปและสนีกเกอร์เท่ ๆ เพื่อคอมพลีตลุค

  1. ลุคแคชวลในวันสบาย ๆ
    • ไม่ต้องใช้ชุดชั้นในแยกชิ้น แค่ใส่เสื้อกล้ามมีบราและกางเกงยีนส์ตัวโปรดก็พร้อมออกจากบ้าน
    • ดีไซน์เรียบง่ายแต่ดูดี เหมาะสำหรับวันพักผ่อนที่ต้องการความคล่องตัว

สไตล์แนะนำ:
• แมตช์เสื้อกล้ามมีบรากับกางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะเพื่อความชิล
• เสริมด้วยกระเป๋าคาดอกหรือแว่นกันแดดสำหรับลุคเท่ ๆ

  1. ลุคชิค ๆ สำหรับนัดเจอเพื่อนหรือคาเฟ่ฮอปปิ้ง
    • เสื้อกล้ามมีบราไม่ได้มีแค่ลุคสปอร์ต แต่บางรุ่นมาพร้อมดีไซน์เก๋ ๆ เช่น สายไขว้ด้านหลังหรือคอวี
    • จับคู่กับกระโปรงหรือกางเกงเอวสูง เพิ่มแอคเซสซอรีเล็กน้อยก็ได้ลุคที่ดูน่ารักและมีสไตล์

สไตล์แนะนำ:
• เสื้อกล้ามมีบราโทนสีพาสเทล แมตช์กับกระโปรงพลีทและรองเท้าผ้าใบ
• เติมต่างหูห่วงใหญ่และกระเป๋าสะพายข้างเพื่อความชิค

  1. ลุคทางการแบบโมเดิร์น
    • ใครบอกว่าเสื้อกล้ามมีบราจะใส่ในโอกาสทางการไม่ได้? แค่จับคู่กับเบลเซอร์หรือกางเกงสแลคก็ได้ลุคที่ดูเรียบหรู
    • เลือกสีเรียบ ๆ เช่น ขาว ดำ หรือเบจ เพื่อให้ดูสุภาพและหรูหรามากขึ้น

สไตล์แนะนำ:
• ใส่เสื้อกล้ามมีบราทรงเรียบคู่กับเบลเซอร์โอเวอร์ไซส์และรองเท้าส้นสูง
• เพิ่มกระเป๋าถือและสร้อยคอเส้นเล็กเพื่อความหรูหรา

  1. ลุคปาร์ตี้สุดเปรี้ยว
    • เสื้อกล้ามมีบราที่มีลูกเล่น เช่น ผ้ากลิตเตอร์หรือดีไซน์เปิดหลัง สามารถแปลงโฉมให้คุณพร้อมสำหรับค่ำคืนสุดพิเศษ
    • จับคู่กับกางเกงหนังหรือกระโปรงสั้น เพิ่มเครื่องประดับจัดเต็ม

สไตล์แนะนำ:
• เสื้อกล้ามมีบราสีเมทัลลิก จับคู่กับกางเกงขาบานและรองเท้าส้นสูง
• เสริมด้วยต่างหูระย้าและกระเป๋าคลัตช์

Posted on

“ฟองน้ำแบบไหนเหมาะกับคุณ? เจาะลึกประเภทของฟองน้ำในเสื้อกล้าม”

  1. ฟองน้ำแบบถอดได้ (Removable Pads)

จุดเด่น:
• สามารถถอดหรือเปลี่ยนฟองน้ำได้ตามความต้องการ
• ง่ายต่อการทำความสะอาดและปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับลุคในแต่ละวัน

เหมาะสำหรับ:
• ผู้ที่ชอบปรับระดับการซัพพอร์ตหรือไม่ต้องการฟองน้ำในบางโอกาส
• ผู้ที่ต้องการเสื้อที่แห้งไวหลังซัก

  1. ฟองน้ำบาง (Thin Pads)

จุดเด่น:
• ให้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เสริมทรงจนเกินไป
• เหมาะสำหรับวันสบาย ๆ ที่ต้องการความโปร่งเบา

เหมาะสำหรับ:
• ผู้ที่ต้องการความกระชับเล็กน้อยโดยไม่เพิ่มขนาดหน้าอก
• ผู้ที่ชอบเสื้อกล้ามที่ดูเรียบง่ายแต่ยังซัพพอร์ตพอเหมาะ

  1. ฟองน้ำเสริมทรง (Push-Up Pads)

จุดเด่น:
• ช่วยดันทรงและเพิ่มวอลลุ่มให้หน้าอกดูเต็มอิ่ม
• เหมาะสำหรับลุคที่ต้องการความเซ็กซี่และมั่นใจ

เหมาะสำหรับ:
• ผู้ที่ต้องการเสริมทรงหน้าอกให้ดูโดดเด่น
• ใส่ในโอกาสพิเศษหรือเมื่อต้องการลุคที่ดูเป๊ะมากขึ้น

  1. ฟองน้ำแบบเจล (Gel Pads)

จุดเด่น:
• เนื้อเจลนุ่มและยืดหยุ่น รองรับหน้าอกได้ดี
• ให้สัมผัสที่เป็นธรรมชาติและไม่กดทับ

เหมาะสำหรับ:
• ผู้ที่ต้องการความรู้สึกสบายและการรองรับที่ดีเยี่ยม
• เหมาะสำหรับการใส่ในระยะเวลานาน

  1. ฟองน้ำทรงสามเหลี่ยม (Triangle Pads)

จุดเด่น:
• รูปทรงเหมาะกับเสื้อกล้ามหรือเสื้อที่มีคอวีลึก
• เสริมทรงให้ดูชัดเจนแต่ไม่หนาจนเกินไป

เหมาะสำหรับ:
• ผู้ที่ชอบใส่เสื้อกล้ามคอวีหรือเสื้อเปิดไหล่
• ต้องการเสริมทรงอย่างเป็นธรรมชาติ

  1. ฟองน้ำแบบระบายอากาศ (Breathable Pads)

จุดเด่น:
• มีรูระบายอากาศ ช่วยลดความอับชื้นและระบายเหงื่อได้ดี
• เหมาะสำหรับวันที่ต้องทำกิจกรรมหนักหรืออยู่ในที่อากาศร้อน

เหมาะสำหรับ:
• ผู้ที่ออกกำลังกายหรือมีเหงื่อออกง่าย
• ผู้ที่ต้องการความสบายและแห้งไว

  1. ฟองน้ำแบบหนาเต็มทรง (Full Coverage Pads)

จุดเด่น:
• เสริมทรงและให้การปกปิดที่ดีเยี่ยม
• ช่วยเพิ่มความมั่นใจสำหรับผู้ที่ต้องการปกปิดหัวนมหรือหน้าอกไม่เท่ากัน

เหมาะสำหรับ:
• ผู้ที่ต้องการความกระชับและปกปิดอย่างมั่นใจ
• ใส่ในวันทำงานหรือโอกาสที่ต้องการลุคเรียบร้อย

Posted on

“เสื้อกล้ามมีบรากับแฟชั่นยุคใหม่: ใส่ยังไงให้ดูชิค”

  1. ใส่คู่กับเบลเซอร์
    • แมตช์เสื้อกล้ามมีบรากับเบลเซอร์โอเวอร์ไซส์ เพิ่มความเป็นทางการเล็กน้อย แต่ยังคงความเซ็กซี่และมั่นใจ
    • เลือกกางเกงขาบานหรือกางเกงสแลคเพื่อคอมพลีตลุคสไตล์โมเดิร์น

Tip: เลือกเบลเซอร์สีสดใสหรือพาสเทลจะช่วยเพิ่มความโดดเด่น

  1. จับคู่กับกางเกงยีนส์เอวสูง
    • เสื้อกล้ามมีบราเข้ารูปใส่คู่กับกางเกงยีนส์เอวสูง ช่วยเน้นทรวดทรงให้ดูมีสไตล์
    • ใส่รองเท้าสนีกเกอร์หรือบูทส้นสูงเพื่อเพิ่มความเท่

Tip: เพิ่มแอคเซสซอรีอย่างสร้อยคอเส้นยาวหรือกระเป๋าคาดอกเพื่อให้ลุคดูสมบูรณ์

  1. ลุคสปอร์ตเกิร์ลด้วยเลกกิ้ง
    • เสื้อกล้ามมีบราทรงสปอร์ตแมตช์กับเลกกิ้งหรือกางเกงออกกำลังกาย
    • เหมาะสำหรับวันที่ต้องการความคล่องตัวและความสบาย

Tip: เพิ่มหมวกแก๊ปและกระเป๋าคาดอกเพื่อให้ลุคดูสปอร์ตเต็มตัว

  1. แมตช์กับกระโปรงพลีทหรือกระโปรงยาว
    • สร้างลุคหวานแต่แอบแซ่บด้วยการใส่เสื้อกล้ามมีบรากับกระโปรงพลีทหรือกระโปรงทรงแม็กซี่
    • เลือกรองเท้าส้นเตี้ยหรือรองเท้าส้นสูงแบบเปิดหน้าเท้าเพื่อเพิ่มความเรียบหรู

Tip: เสริมด้วยต่างหูหรือกระเป๋าถือดีไซน์เก๋

  1. ใส่เป็นเสื้อครอปในลุคเลเยอร์
    • ใส่เสื้อกล้ามมีบราทับเสื้อเชิ้ตหรือเสื้อแขนยาวบาง ๆ เพื่อเพิ่มมิติให้การแต่งตัว
    • จับคู่กับกางเกงขาสั้นหรือกางเกงยีนส์จะได้ลุคที่ดูชิคและแปลกใหม่

Tip: เลือกเสื้อกล้ามมีบราที่มีดีไซน์เก๋ เช่น สายไขว้หรือคอวี

  1. แมตช์กับชุดเอี๊ยม
    • ใส่เสื้อกล้ามมีบรากับเอี๊ยมยีนส์หรือเอี๊ยมผ้าลินิน ให้ลุคดูน่ารักและสดใส
    • เพิ่มหมวกบัคเก็ตและรองเท้าผ้าใบเพื่อความชิล
  2. ลุคมินิมอลด้วยสีเรียบ
    • เลือกเสื้อกล้ามมีบราสีพื้น เช่น ขาว ดำ หรือเบจ แล้วจับคู่กับกางเกงหรือกระโปรงในโทนเดียวกัน
    • เน้นดีไซน์เรียบง่ายแต่ดูแพง

Tip: เสริมลุคด้วยเครื่องประดับโลหะหรือกระเป๋าหนังสีเรียบ

  1. เลือกดีไซน์ที่มีลูกเล่น
    • เลือกเสื้อกล้ามมีบราที่มีสายไขว้ด้านหลัง คัตเอาต์ หรือผ้าลูกไม้ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับลุค
    • แมตช์กับกางเกงหรือกระโปรงสีพื้นเพื่อให้เสื้อเด่น
Posted on

เสื้อกล้ามมีบรา ช่วยลดการใช้โครงเหล็กและส่วนที่กดทับได้อย่างไร?

1. ไม่มีโครงเหล็ก (Wire-Free Design)

• เสื้อกล้ามมีบราออกแบบมาให้ไม่มีโครงเหล็กใต้ทรวงอกที่มักพบในชุดชั้นในทั่วไป

• ช่วยลดแรงกดทับบริเวณใต้หน้าอกที่อาจทำให้เกิดความเจ็บหรือระคายเคืองระหว่างการสวมใส่

2. ใช้แถบยางยืดที่นุ่มและยืดหยุ่น

• แทนการใช้โครงเหล็ก เสื้อกล้ามมีบราใช้แถบยางยืดที่โอบกระชับใต้หน้าอกอย่างนุ่มนวล

• ช่วยรองรับทรวงอกได้ดีโดยไม่กดหรือทำให้รู้สึกอึดอัด

3. ฟองน้ำช่วยประคองทรงแทนโครงเหล็ก

• ฟองน้ำในตัวเสื้อกล้ามทำหน้าที่ช่วยเสริมทรงและรองรับหน้าอกอย่างสมดุล

• ฟองน้ำมีน้ำหนักเบาและนุ่ม ไม่กดทับผิวหรือสร้างแรงกดที่ไม่สม่ำเสมอ

4. การออกแบบเพื่อการกระจายน้ำหนักที่ดี

• เสื้อกล้ามมีบราออกแบบให้เนื้อผ้าและสายเสื้อช่วยกระจายน้ำหนักของทรวงอกทั่วทั้งเสื้อ

• ลดแรงกดเฉพาะจุดที่มักเกิดจากโครงเหล็กหรือสายชุดชั้นในแคบ ๆ

5. สายเสื้อกว้างเพื่อความสบาย

• ส่วนใหญ่มาพร้อมสายเสื้อที่กว้างขึ้น เพื่อช่วยลดการกดทับบริเวณไหล่

• เหมาะสำหรับการสวมใส่ในระยะยาวโดยไม่ทำให้รู้สึกเมื่อยหรือตึง

6. โครงสร้างไร้ส่วนแข็งหรือตะขอ

• เสื้อกล้ามมีบราไม่มีตะขอหรือส่วนประกอบที่แข็งแรงเหมือนเสื้อชั้นในแบบดั้งเดิม

• ทำให้สวมใส่ง่าย สบาย และไม่มีแรงกดทับบริเวณหลังหรือรอบตัว

7. เหมาะสำหรับทุกกิจกรรม

• ด้วยความที่ไม่มีโครงเหล็กและส่วนที่กดทับ ทำให้เสื้อกล้ามมีบราสามารถใส่ได้ทั้งในชีวิตประจำวันและขณะทำกิจกรรม เช่น ออกกำลังกาย นั่งทำงาน หรือพักผ่อน

8. ลดการระคายเคืองและปัญหาผิวอักเสบ

• การไม่มีโครงเหล็กช่วยลดการเสียดสีกับผิวหนังบริเวณใต้หน้าอกและรอบลำตัว • เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือมักมีปัญหาจากการใส่ชุดชั้นในที่รัดแน่น

Posted on

เสื้อกล้ามมีบรา ช่วยลดปัญหาการเสียดสีและรอยตะเข็บได้อย่างไร?

1. ดีไซน์ไร้ตะเข็บ (Seamless Design)

• เสื้อกล้ามมีบราแบบไร้ตะเข็บถูกออกแบบมาให้ไม่มีรอยเย็บหรือรอยต่อที่อาจกดทับหรือเสียดสีกับผิว

• ช่วยลดการระคายเคือง โดยเฉพาะในบริเวณบอบบาง เช่น รอบหน้าอก ใต้วงแขน และรอบเอว

2. เนื้อผ้าลื่นและนุ่มพิเศษ

• ใช้ผ้าที่มีความยืดหยุ่นและเนื้อนุ่ม เช่น ไนลอน สแปนเด็กซ์ หรือไมโครไฟเบอร์ ที่ลดการเสียดสีระหว่างเสื้อกับผิว

• ทำให้สวมใส่สบาย แม้ในวันที่ต้องทำกิจกรรมเยอะหรือเหงื่อออกมาก

3. ออกแบบให้กระชับพอดีตัว

• เสื้อกล้ามมีบรามักถูกออกแบบมาให้โอบกระชับพอดีตัว ช่วยลดการขยับหรือเลื่อนของเสื้อขณะเคลื่อนไหว

• ลดโอกาสเกิดรอยแดงหรือแผลจากการเสียดสีระหว่างผ้ากับผิว

4. การตัดเย็บแบบเรียบ (Flatlock Stitching)

• สำหรับรุ่นที่มีการตัดเย็บ จะใช้เทคนิคการเย็บแบบแบนราบ (Flatlock Stitching) ที่ไม่มีขอบหนา

• ทำให้ไม่เกิดแรงกดหรือเสียดสีกับผิว แม้จะใส่เป็นเวลานาน

5. ลดการใช้โครงเหล็กและส่วนที่กดทับ

• เสื้อกล้ามมีบราในตัวส่วนใหญ่ไม่มีโครงเหล็กหรือส่วนที่แข็ง ซึ่งมักเป็นจุดที่ก่อให้เกิดการกดทับและเจ็บ

• ใช้การรองรับทรงด้วยแถบยางยืดและฟองน้ำที่นุ่มแทน

6. เหมาะสำหรับการออกกำลังกายและกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวเยอะ

• ด้วยคุณสมบัติของเนื้อผ้าที่ไม่เสียดสีกับผิว จึงเหมาะสำหรับการเคลื่อนไหว เช่น วิ่ง, โยคะ หรือฟิตเนส

• ลดปัญหาผิวแตกหรือแผลถลอกจากการเสียดสีซ้ำ ๆ

7. การระบายอากาศที่ดี ช่วยลดการอับชื้น

• เสื้อกล้ามมีบราในตัวช่วยลดการเสียดสีที่มักเกิดจากเหงื่อ เพราะใช้ผ้าที่ระบายอากาศดี ช่วยให้ผิวแห้งสบายตลอดวัน

• ลดการเกิดการอักเสบหรือการระคายเคืองจากความชื้น

8. ฟองน้ำและยางยืดที่นุ่มเป็นพิเศษ

• ฟองน้ำในตัวเสื้อกล้ามมีบราออกแบบมาให้โอบอุ้มทรวงอกโดยไม่ทำให้เจ็บหรือเกิดการกดทับ

• แถบยางยืดนุ่มช่วยยึดเสื้อให้อยู่ทรง โดยไม่เสียดสีกับผิวบริเวณใต้หน้าอก

Posted on

เสื้อกล้ามมีบรา ช่วยสร้างความมั่นใจในทุกการเคลื่อนไหวได้อย่างไร?

1. ซัพพอร์ตทรวงอกอย่างมั่นคง

• เสื้อกล้ามมีบราออกแบบมาเพื่อรองรับและประคองทรวงอกอย่างพอดี ลดการขยับหรือสั่นสะเทือนขณะเคลื่อนไหว

• ช่วยลดความอึดอัดและปัญหาสายเสื้อในหลุดหรือเคลื่อนตัว

2. ลดความยุ่งยากของชุดชั้นใน

• การมีบราในตัวช่วยให้ไม่ต้องสวมใส่เสื้อชั้นในแยก ทำให้รู้สึกกระชับและสบาย

• หมดกังวลเรื่องการจัดทรงของเสื้อชั้นในหรือการกดทับจากโครงเหล็ก

3. กระชับพอดีตัว เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ

• เสื้อกล้ามมีบราออกแบบด้วยเนื้อผ้ายืดหยุ่นที่ช่วยให้คุณเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว

• เหมาะสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรือการทำงานบ้าน

4. ลดปัญหาการเสียดสีและรอยตะเข็บ

• ด้วยดีไซน์ไร้รอยต่อหรือการตัดเย็บที่เรียบเนียน ช่วยลดปัญหาการเสียดสีกับผิวหนัง

• มอบความสบายแม้ใส่เป็นเวลานาน

5. ดีไซน์สวยงาม เพิ่มความมั่นใจในตัวเอง

• เสื้อกล้ามมีบรามักมีดีไซน์ที่ทันสมัยและเหมาะกับทุกโอกาส เช่น สายไขว้ด้านหลัง คอวี หรือแบบครอป

• ช่วยให้คุณรู้สึกดีและมั่นใจในลุคของตัวเอง ไม่ว่าจะใส่เป็นชุดออกกำลังกายหรือใส่คู่กับกางเกงยีนส์

6. ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย

• เสื้อกล้ามมีบราเหมาะทั้งการใส่ในวันพักผ่อน งานลำลอง หรือกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น การเดินเล่น วิ่ง หรือเล่นโยคะ

• ให้ความรู้สึกสบายและกระชับตัว พร้อมลุยทุกสถานการณ์

7. เนื้อผ้าระบายอากาศดี ลดความอับชื้น

• เสื้อกล้ามมีบราส่วนใหญ่ผลิตจากผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ช่วยให้คุณรู้สึกเย็นสบาย แม้ในวันที่ต้องออกกำลังกายหรืออยู่ในที่อากาศร้อน

8. ลดการใช้เสื้อซ้อนชั้น เพิ่มความคล่องตัว

• เสื้อกล้ามมีบราในตัวช่วยลดความจำเป็นในการใส่เสื้อซ้อนหลายชั้น ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งและเบาสบาย • เหมาะกับผู้ที่ต้องการความเรียบง่าย แต่ยังดูดีและพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหว

Posted on

การเลือกเสื้อกล้ามมีบราที่เหมาะสม สำหรับรูปร่างแต่ละประเภท:

1. รูปร่างทรงนาฬิกาทราย (Hourglass Shape) ลักษณะ: ไหล่และสะโพกสมดุลกัน มีเอวที่ชัดเจน

แนะนำ: • เลือกเสื้อกล้ามมีบราที่เน้นการกระชับบริเวณรอบเอว เช่น แบบเข้ารูปหรือมีการตัดเย็บที่ช่วยสร้างส่วนโค้ง • ควรมีฟองน้ำหรือแถบยางยืดใต้หน้าอก เพื่อรองรับทรวงอกอย่างเหมาะสม

2. รูปร่างทรงแอปเปิ้ล (Apple Shape) ลักษณะ: ช่วงกลางลำตัวและหน้าอกใหญ่กว่าสะโพก

แนะนำ: • เลือกเสื้อกล้ามมีบราที่มีการซัพพอร์ตหน้าอกดี เช่น แบบบราสปอร์ต หรือเสื้อที่มีสายกว้างเพื่อช่วยกระจายน้ำหนัก • หลีกเลี่ยงแบบที่รัดบริเวณหน้าท้องจนเกินไป

3. รูปร่างทรงลูกแพร์ (Pear Shape) ลักษณะ: ช่วงสะโพกกว้างกว่าช่วงไหล่และหน้าอก

แนะนำ: • เลือกเสื้อกล้ามมีบราที่มีดีไซน์เปิดไหล่หรือสายคาดสวย ๆ เพื่อดึงความสนใจไปที่ส่วนบน

• แบบที่มีฟองน้ำเล็กน้อยหรือเสริมทรงจะช่วยเพิ่มสมดุลให้รูปร่างดูสมส่วนมากขึ้น

4. รูปร่างทรงตรง (Rectangle Shape) ลักษณะ: ช่วงไหล่ เอว และสะโพกมีขนาดใกล้เคียงกัน

แนะนำ: • เลือกเสื้อกล้ามมีบราที่มีดีไซน์ตกแต่ง เช่น การตัดต่อสี หรือการเล่นลวดลาย เพื่อเพิ่มมิติให้กับรูปร่าง

• เสื้อที่มีการเก็บทรงหน้าอกและเน้นบริเวณเอวเล็กน้อยจะช่วยสร้างส่วนโค้ง

5. รูปร่างทรงสามเหลี่ยมหรือไหล่กว้าง (Inverted Triangle Shape) ลักษณะ: ช่วงไหล่กว้างกว่าสะโพก

แนะนำ: • เลือกเสื้อกล้ามมีบราที่มีสายเสื้อบาง หรือแบบคอวี เพื่อช่วยลดความกว้างของไหล่

• หลีกเลี่ยงแบบที่เปิดไหล่มากเกินไป